ราคาทองย้อนหลังที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.78 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําเริ่มดีดตัวขึ้นหลังจีนเผยข้อมูลการค้าที่อ่อนแอกว่าคาด ส่วนเยอรมนีก็ เปิดเผยคําสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลงสวนทางคาดการณ์เช่นกัน ตอกยํ้าความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจทั่วโลก ทําให้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วงลง -4.40% ด้านดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลงแตะระดับตํ่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการปรับตัวลงมากสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2018 จนเป็นปัจจัยกระตุ้นแรงซื้้อทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจําเดือนก.พ.ของสหรัฐก็ออกมาแย่เกินคาด โดยการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 20,000 ตําแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตําแหน่งและการเป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2017 สถานการณ์ดังกล่าวหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งกดดันดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง อีกทั้งยังบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวลงซึ่งกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดในแดนลบอีกด้วย จนเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มให้ราคาทองพุ่งขึ้นทดสอบ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายของวันศุกร์ สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดค้าปลีกและสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจของสหรัฐ ที่มา ylgbullion.co.th
Related Articles
ข่าวราคาทองคำ 31 กรกฎาคม 2562 (ภาคค่ำ)
การเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งจัดขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ได้ปิดฉากลงในวันนี้ โดยไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้าในการยุติข้อพิพาทการค้าที่ยืดเยื้อมานานนับปี ขณะที่ นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐระบุว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอาจตอบกลับภายในสัปดาห์หน้าต่อบริษัทต่างๆที่ขอใบอนุญาตพิเศษในการขายสินค้าแก่บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ Huawei Technologies Co Ltd ของจีนขณะที่คณะบริหารสหรัฐเตือนว่า Huawei อาจเป็นสื่อกลางสําหรับการจารกรรมของจีนและได้รวมบริษัทดังกล่าวไว้ในรายการ “entity list” แนวโน้มดังกล่าวสร้างแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ราคาทองคําเคลื่อนไหวไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนรอคอยผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งสิ่งที่ยังไม่ชัดเจนในขณะนี้ คือนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด จะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากน้อยเพียงใด และประเด็นดังกล่าวอาจสร้างความผันผวนต่อราคาทองคํา ทั้งนี้ แนะนําจับตาแนวรับโซน 1,420-1,411 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองไม่หลุดอาจมีแรงซื้อเข้ามารับไว้และจะช่วยให้ราคาขยับขึ้นมา เบื้องต้นยังคงประเมินแนวต้านแรกไว้ที่ 1,433-1,439 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และถ้าฝ่าไปได้ ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 1,453 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้ายังไม่ผ่านแนวต้านแรกได้ ราคาทองคงจะปรับลงอีกครั้ง ที่มา ylgbullion.co.th FacebookTwitterLinkedinTumblr
บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 18 พค 61
ราคาทองคำช่วงเช้าทรงตัว หลังวานนี้ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดครั้งใหม่ของปีนี้ และร่วงลงกว่า 2% ในสัปดาห์นี้จากการแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์รวมถึงการขยับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัสกล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐมาถึงระดับการจ้างงานอย่างเต็มที่แล้ว ถือเป็นการสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปของเฟด สำหรับวันนี้แนะนำติดตามความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเจรจาด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน หลังจากล่าสุดรายงานข่าวระบุว่า ทางการจีนได้ยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อสินค้าของสหรัฐรวมถึงเสนอมาตรการอื่นๆ เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีต่อจีนลงราว 2 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี หากทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงกันได้ จะส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลจนกระตุ้นแรงขายทองคำเพิ่มเติม แต่ในทางตรงกันข้าม หากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันจนเกิดความพอใจได้ ประเด็นดังกล่าวอาจกลับเข้ามาหนุนราคาทองคำได้เช่นกัน ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า หากราคาทองย่อตัวลงมาแต่ยังทรงตัวได้เหนือระดับ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จึงคาดว่าจะเห็นการดีดกลับไปทดสอบแนวต้าน 1,297 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง แต่หากยืนบริเวณแนวรับดังกล่าวไม่ได้ อาจขยับลงทดสอบแนวรับถัดไป 1,271 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้แบ่งขายเพื่อทำกำไร หากราคาทองคำขยับขึ้นไม่ผ่านแนวต้าน 1,297-1,306 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และอาจเข้าซื้อคืนเมื่อราคาทองคำย่อตัวลงมาบริเวณ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยไม่ควรลงทุนมากเกินไปและควรคำนึงถึงความเสี่ยง FacebookTwitterLinkedinTumblr
ข่าวราคาทองคำ 25 มีนาคม 2562 (ภาคเช้า)
ราคาทองคําวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.96 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําได้รับแรงหนุนจากการร่วงลงของสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการชะลอทางเศรษฐกิจทั่วโลก หลังมาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับตํ่าสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของเยอรมนี ลดลงสู่ระดับ 51.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับตํ่าสุดในรอบ 69 เดือน ไม่เพียงเท่านั้น ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหรัฐก็ปรับตัวลงเกินคาดสู่ระดับ 54.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับตํ่าสุดในรอบ 6 เดือนเช่นกัน แต่ถึงแม้การหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง (Risk 0ff) ในหมู่นักลงทุนจะกระตุ้นแรงซื้อทองคําในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่การปรับตัวขึ้นของราคาทองคํายังคงอยู่ภายในกรอบเพราะการที่ดัชนี PMI ของยูโรโซน และเยอรมนีลดลงเกินคาดนั้นได้กดดันให้สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง จนเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคําถูกสกัดช่วงบวก ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําเพิ่มในวันศุกร์ +2.94 ตัน สําหรับวันนี้ แม้ไม่มีกําหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ แต่อาจติดตามการเปิดเผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีประจําเดือนมี.ค.จาก Ifo เพื่อใช้เป็นปัจจัยชี้ นําทิศทางราคาทองคํา ที่มา ylgbullion.co.th […]